ดังระดับโลก ค่าตัว 8 หลักสูงสุดในดาราไทย เปิดความรวย ‘จา พนม’ ไม่ย้ายออกไทย เลี้ยงลูก-ภรรยา สบายทั้งชาติ
“โทนี่ จา” ได้กลายเป็นไอดอลของผู้คนครึ่งค่อนโลกไปแล้ว แต่แง่มุมชีวิตของเขาไม่ใช่มีเพียงการต่อสู้บู๊ อีกด้านหนึ่งยังมีความรักความผูกพัน
ที่เขามีให้เพื่อนที่รู้จักคลุกคลีกันมาตั้งแต่เด็ก จา บอกว่า ดอกไม้ เพื่อนของเขาอารมณ์ดี รักธรรมชาติ และเป็นมังสวิรัติ
ตอนเด็กๆเขากับดอกไม้จะเล่นด้วยกันเสมอ เขาไม่เคยถูกเพื่อนรังแก แม้เพื่อนของเขาจะตัวโตกว่าหลายเท่าก็ตาม เลี้ยงช้างมาตั้งแต่รุ่นทวด
ตั้งแต่เกิดมาผมก็เห็น ดอกไม้ อยู่ที่บ้านแล้ว เขาเป็นช้างเพศเมียที่พ่อเลี้ยงไว้ คือพ่อผมเป็นควาญช้างซึ่งเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นทวด
กระทั่งการออกไปโกอินเตอร์ของภาพยนตร์สัญชาติไทย ที่กวาดรายได้หลายร้อยล้านบาทในสหรัฐอเมริกาอย่าง องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง
ได้เปลี่ยนภาพจำใหม่ๆของมวยไทย และกำเนิดดารานักบู๊คนใหม่แห่งโลกภาพยนตร์ นามว่า จา พนม (Tony Jaa) จา พนม ทำให้คนโลก
ทึ่งกับความสามารถด้านการแสดงแอคชั่นที่นำเอาศิลปะการต่อสู้ประจำชาติเรา ลงไปใส่ในแผ่นฟิล์ม จนทำให้ชาวโลกต้องเปลี่ยนมุมมองและหันมารู้จัก มวยไทย มากขึ้น
ก้าวแรกจากองค์บาก ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ จา พนม สร้างชื่อในเมืองไทยและต่างประเทศ คือ “องค์บาก” ผลงานเปิดตัวของเขาออกฉายเมื่อ พ.ศ. 2546
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับ “ทิ้ง” หนุ่มนักสู้จากหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน เดินทางเข้าสู่เมืองหลวง เพื่อตามหาพระพุทธรูปประจำท้องถิ่นที่หายไป
นักแสดงสายบู๊ที่ชาวไทยภาคภูมิใจ อย่าง จา พนม ที่เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ขึ้นไปยืนอยู่ในวงการบันเทิงระดับโลก มีงานภาพยนตร์ฮอลลีวูดร่วมกับนักแสดงดังหลายต่อหลายเรื่อง
เรียกว่าประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดเลยก็ว่าได้ จา พนม เป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ หรือที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกันในชื่อ โทนี่ จา เป็นอดีตนักกีฬาที่ผันตัวสู่วงการการแสดง
โดยมีคติในการแสดง คือ แสดงจริง ไม่ใช้สตันท์แมน และไม่ใช้เทคนิคพิเศษในการแสดงคิวต่อสู้ เขาเป็นนักแสดงภาพยนตร์แอ็คชัน ผู้ศึกษาศิลปะการต่อสู้
ทั้งศาสตร์ตะวันตกและตะวันออก ชำนาญในศิลปะการต่อสู้, การใช้อาวุธ, กีฬา และการออกกำลังกายหลากหลายศาสตร์ และแจ้งเกิดในวงการได้ จากภาพยนตร์เรื่ององค์บาก
เมื่อปี 2553 โทนี่ จา ได้แต่งงานกับปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ ซึ่งทำธุรกิจโรงแรมในจังหวัดระยอง และได้ะมีลูกด้วยกัน 2 คน คือน้องจอมขวัญ และน้องเรือนแก้ว
นอกจากนี้ เขายังมีผลงานอีกมากมายทั่วโลก และได้ร่วมงานกับดาราดังมากมาย จนบริษัทระดับโลกที่เคยปั้น บรูซลี ได้ทาบทามให้มาร่วมงาน
จนทำให้เขากลายเป็นนักแสดงไทยที่ประสบความสำเร็จ ได้รับรางวัลอย่างมากมาย และสามารถทำรายได้รวมมาแล้วกว่า 1 พันล้าน และภาพยนตร์เรื่องล่าสุดอย่าง Detective Chinatown 3